ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้ผลัดใบขนาดใหญ่ มีลำต้นปลายตรง มักมีพูพอนบริเวณโคนต้น เรือนยอดกลม มีเปลือกหนาสีเทา หรือน้ำตาลอ่อน มีใบขนาดใหญ่ กว้าง 20-30 ซม. ยาว 30-40 ซม. ผลสักมีรูปร่างค่อนข้างกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 ซม. เนื้อไม้สักจะมีสีน้ำตาลทองถึงสีน้ำตาลแก่ เนื้อไม้มีเสี้ยนตรง แข็งปานกลาง ทนทานต่อมอด ปลวก และเชื้อรา อีกทั้งมีลวดลายที่สวยงามตามธรรมชาติ
การกระจายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในตอนใต้ของประเทศอินเดีย พม่า ไทย ลาว (ส่วนที่ติดภาคเหนือของไทย) และอินโดนีเซีย
ปัจจัยแวดล้อมที่เหมาะสม
ไม้สักจะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มชื้น ปริมาณน้ำฝนระหว่าง 1,000-2,000 มม.ต่อปี และมีช่วงฤดูแล้งที่ชัดเจน 3-4 เดือน อีกทั้งไม้สักเป็นไม้ที่ชอบแสงสว่าง ความเข้มของแสงที่เหมาะสม คือ 75-95% ของปริมาณแสงกลางวันที่ได้รับต็มที่ จึงไม่ควรปลูกสักในร่ม อุณหภูมิที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตอยู่ระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส
ดินที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของไม้สัก คือ ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ดินค่อนข้างลึก มีค่า pH ประมาณ 6.5-7.5 และโดยทั่วไปสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการปลูกสัก จะมีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 700 เมตร เป็นพื้นที่ลาดชันเล็กน้อย ไม่เกิน 15%
การปลูกและการดูแลรักษา
การขยายพันธุ์ทำได้โดยวิธีการใช้เมล็ด ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและเหมาะสมสำหรับผลิตกล้าหรือเหง้าสักจำนวนมากๆ และวิธีไม่อาศัยเมล็ด ประกอบด้วยการติดตา การปักชำ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ (Tissue Culture) ซึ่งค่อนข้างจะยุ่งยากและค่าใช้จ่ายสูง
ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม) หากฝนทิ้งช่วงก็ควรรดน้ำช่วย แผ้วถางวัชพืชให้โล่งเตียนตลอดเวลา เพื่อลดการแก่งแย่งธาตุอาหารและป้องกันไฟป่า ควรใส่ปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโตในระยะแรกๆ และเมื่อต้นไม้มีอายุมากๆควรมีการลิดกิ่ง แต่งกิ่ง และตัดสางขยายระยะ เพื่อเปิดโอกาสให้เจริญเติบโตได้เต็มที่
ข้อจำกัดของไม้สัก
สักไม่ชอบพื้นที่ลุ่มที่มีน้ำขัง ดินเป็นทรายจัด ดินตื้นมากๆ ระบายน้ำไม่ดี พื้นที่แห้งแล้งหรือมีฝนตกไม่สม่ำเสมอ และการปลูกสักล้วนๆ เป็นผืนใหญ่ๆ อาจก่อให้เกิดโรคและแมลงเข้าทำลายได้ง่าย