ลักษณะทั่วไป
เป็นไผ่ขนาดกลาง ลำต้นตรงสีเขียว เนื้อหนา เส้นผ่านศูนย์กลาง ประมาณ 3-7 เซนติเมตร สูง 8-12 เมตร หน่อสีเขียวอมเหลือง ไม่มีขนที่กาบใบ ต่างกับไผ่รวกที่มีขนาดใกล้เคียงกัน หน่อสีเขียวเทา เปลือกหน่อสีแดงเรื่อๆ ลักษณะพิเศษคือไม่มีหนามหรือขนระคายเคืองเหมือนไผ่ชนิดอื่นๆ ลักษณะคล้ายไผ่สร่างไพร ที่พิเศษกว่านั้น คือ ไผ่เลี้ยงสามารถให้ผลผลิตหน่อไผ่ได้ตลอดทั้งปี
การกระจายพันธุ์
สามารถพบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ตราดและระยอง
ปัจจัยแวดล้อมที่เหมาะสม
สภาพพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการปลูกไผ่เลี้ยงนั้น ควรมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย ถ้าเป็นดินเหนียว หรือดินโคกลูกรัง จะทำให้การเจริญเติบโตไม่ดี การให้ผลผลิตหน่อไผ่น้อยและคุณภาพต่ำ
การปลูกและการดูแลรักษา
วิธีขยายพันธุ์ ดีที่สุดคือการแยกเหง้า เริ่มแยกได้เมื่อไผ่มีอายุ 2-3 ปี หากอายุเกิน 3 ปี ต้นที่แยกออกไปจะไม่แข็งแรง คัดเลือกต้นหรือลำที่แข็งแรง ตัดให้สั้นเหลือตอไว้ สูง 50-80 เซนติเมตร บำรุงต่อไปให้ผลิใบ และแตกกิ่งแขนงออกมาใหม่ แล้วใช้เสียมคม และสะอาด ตัดแซะออกชำในถุงเพาะชำ มีแกลบดำ หรือดินขุยไผ่เป็นวัสดุเพาะ ดูแลรักษาให้แข็งแรง เมื่ออายุ 8-12 เดือน นำปลูกลงแปลงได้
หลังปลูกให้ใส่ปุ๋ยคอกเก่า อัตรา กอละ 1 บุ้งกี๋ ปีละ 2 ครั้ง หรืออาจเสริมด้วยปุ๋ย สูตร 15-15-15 บ้างเป็นครั้งคราว ควรให้น้ำตลอดช่วงฤดูแล้ง เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ควรตัดแต่งกิ่งและลำต้นที่เล็กออก แล้วพรวนดินให้ทั่วรอบกอ ถอนวัชพืชแล้วนำหญ้าที่ถอนออกมาคลุมโคนต้นไว้ หรืออาจเป็นใบไม้แห้ง,ฟางข้าวก็ได้ เพื่อเก็บรักษาความชื้นในดินไว้
ข้อจำกัดของไผ่หวาน
ต้องคอยกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้หญ้าขึ้นรกคลุมแปลงปลูก และอาจมีปัญหาเรื่องหนอนหรือตัวด้วงบ้างที่มาเจาะกินต้นไผ่